ชื่อวิทยาศาสตร์ : Areca catechu Linn
วงศ์ :
PALMAE
ชื่อสามัญ : Betel nut , Areca palm
ชื่อท้องถิ่น : หมากเมีย(ทั่วไป) หมากเมีย
มะ(ซอง-ตราด) เค็ด สะลา พลา(เขมร) ปีแน(มลายู)
ลักษณะทางพฤกษ์ศาสตร์
เป็นพืชยืนต้น มีลำต้นตรง ไม่แตกกิ่งก้าน สูง 5-15
เมตร ลำต้นเดี่ยวแข็งแรง ลำต้นมีสีเขียวบริเวณ
ใกล้ส่วนยอด
และเมื่ออายุมากขึ้นลำต้นจะเปลี่ยนเป็นสีเทา ใบยาวถึง 4
เมตร และมีใบฝอยหลายใบ
แต่ละใบยาวประมาณ 60-90
ซม. ดอกหมากจะขึ้นที่ซอกโคนก้านใบ ดอกรวมเป็นช่อใหญ่ ดอกมี
สีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมหวานเย็น
ผลมีลักษณะกลมหรือรี ผลอยู่รวมกัน 50-100 ผลใน 1
ทะลายฃ
ผลอ่อนสีเขียวเรียกว่าหมากดิบ
เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลืองเรียกว่าหมากสง
ประโยชน์และสรรพคุณยาไทย
ลูกอ่อน รสฝาดหวาน เจริญอาหาร ขับเสมหะ สมานแผล
แก้เมา แก้อาเจียน แก้ไอเปลือกผลรสจืดหวาน
ขับลม ขับปัสสาวะ แก้ท้องอืดแน่น แก้บิด
แก้ท้องเสียเมล็ด รสฝาด แก้บิดปวดเบ่ง แก้ปวดแน่นท้องฆ่า
พยาธิ ขับปัสสาวะ
ความเชื่อ
ปลูกต้นหมากไว้ประจำบ้านจะทำให้มีความอ่อนน้อมความมีน้ำใจ
เพราะหมากมีการแตกใบที่สวยงามลักษณะที่มีความนิ่มนวลอ่อนไหว
นอกจากนี้ลักษณะการแตกใบของหมากยังมีลักษณะที่โดดเด่นสง่านวลชวนมองนอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบหมากไว้ว่าเป็นชื่อหมาก
ชนิดหนึ่งที่ใช้รับประทานในสมัยโบราณคือหมากสงใช้ในพิธีต้อนรับแขกที่ไปมาหาสู่กัน
ดังนั้นจึงแสดงถึงการมีนิสัยใจคอที่ดี มีน้ำใจงามเพื่อ
เป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย
ควรปลูกต้นหมากไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผู้ที่ปลูกควรปลูกในวันอังคาร
เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร
การปลูกหมาก
การเตรียมแปลงปลูก :
แปลงปลูกต้องมีการะบายน้ำดี ถ้าเป็นที่มีน้ำขังควรมีการยกร่อง หรือทำทางระบายน้ำ
ก่อนปลูกต้องมีการไถ
และพรวนอย่างน้อย 2 ครั้ง ควรเก็บตอไม้และเศษไม้ออก
เพราะเป็นแหล่งอาศัยของ
ศัตรูพืช
และปลวก รูปแบบการปลูก อาจเป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือสามเหลี่ยมด้านเท่า
ระยะปลูก 2x2 เมตร
การปลูกแบบสี่เหลี่ยม
ใช้กล้า 400 ต้น / ไร่ ปลูกแบบสามเหลี่ยมใช้กล้า 461
ต้น / ไร่ แต่ถ้าปลูกบนร่อง
จำนวนต้นจะลดล
งขึ้นกับระยะระหว่างร่อง การปลูกแบบสี่เหลี่ยม ควรทำสันร่องกว้าง 4
เมตร แบบสามเหลี่ยม
ควรกว้าง
3.50 เมตร ซึ่งจะปลูกได้ 3
แถว/ร่อง
การเตรียมหลุม :
ถ้าเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ควรขุดหลุม ขนาด 50x50x50
ซม. แต่ดินที่มีความอุดม
สมบูรณ์สูง
ขนาดหลุมเล็กกว่านี้ได้ รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก และหินฟอสเฟต
คลุกกับดินชั้นบน
แล้วกลบหลุมด้วยดินที่เหลือ
ฤดูปลูก : ควรเป็นต้นฤดูฝน
หลังจากที่มีฝนตกหนัก 1-2 ครั้ง
การปลูก : เวลาปลูกควรตั้งต้นกล้าให้ตรง
และให้ด้านบนของผลอยู่ระดับผิวดิน กลบดินให้แน่น ปักหลักค้ำต้น