โพธิ์ ชื่อสามัญ Sacred tree, Sacred fig, Sacred fig
Tree, The peepal tree, Peepul tree, Peepul of India, Pipal tree, Pipal of
India, Bo tree, Bodhi Tree[1],[2],[3]
โพธิ์ ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกว่า สลี (ภาคเหนือ),
สี
สะหลี (ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ), โพ โพธิ โพศรีมหาโพ (ภาคกลาง), ย่อง
(แม่ฮ่องสอน), ปู (เขมร), โพธิใบ เป็นต้น[1],[2],[3] ในปัจจุบันต้นโพธิ์เป็นไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดปราจีนบุรี[4]
หมายเหตุ : คำว่า “โพธิ”
แต่เดิมแล้วมิได้เป็นชื่อต้นไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง
หากแต่เป็นชื่อเรียกของต้นไม้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงประทับใต้ต้นไม้ต้นนั้นๆ
และได้ตรัสรู้ ต้นโพธิ์ จึงมีความหมายว่า ต้นไม้แห่งการตรัสรู้ (โพธิ แปลว่า
เป็นที่รู้หรือเป็นที่ตรัสรู้) และยังเป็นต้นไม้ที่ชาวพุทธ พราหมณ์
และฮินดูให้ความเคารพนับถือกันอย่างสูงอีกด้วย[3]
ลักษณะของต้นโพธิ์
- ต้นโพธิ์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ผลัดใบ แตกกิ่งก้านสาขาออกเป็นพุ่มตรงส่วนยอดของลำต้น ปลายกิ่งลู่ลง กิ่งอ่อนเกลี้ยง ตามกิ่งมีรากอากาศห้อยลงมาบ้าง ลำต้นมีความสูงประมาณ 20-30 เมตร ลำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-3 เมตร และมีน้ำยางสีขาว เปลือกต้นเรียบเป็นสีน้ำตาลปนเทา โคนต้นเป็นพูพอนขนาดใหญ่ โดยจัดเป็นพรรณไม้ที่มีรูปทรงของลำต้นส่วนงามชนิดหนึ่ง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ใช้กิ่งชำ หรือใช้กระโดงจากราก แต่ส่วนมากแล้วจะเจริญเติบโตจากสัตว์นำพา เช่น นกมากินเมล็ดและไปถ่ายทิ้งไว้ ก็จะเกิดเป็นต้นใหม่ขึ้นมา เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด ต้องการน้ำปานกลาง พบขึ้นทั่วไปทั้งในทวีเอเชีย ปากีสถาน จีนตอนใต้ และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบในธรรมชาติน้อยมาก เข้าใจว่ากระจายพันธุ์มาจากต้นที่มีการนำมาปลูกเอง และพบขึ้นมากตามซากอาคาร และนิยมปลูกกันทั่วไปในวัดทุกภาคของประเทศไทย[1],[2],[3]
- ต้นโพธิ์ เป็นไม้ที่มีอายุยืนยาวมากชนิดหนึ่ง แต่เนื่องจากมีกิ่งก้านแยกสาขาออกจากลำต้นมาก จึงทำให้เกิดเชื้อราที่อาศัยความชุ่มชื้นจากน้ำฝนที่ขังอยู่ตามง่ามไม้ แผ่ขยายเข้าทำลายเนื้อไม้จนเป็นโพรง ซึ่งเรามักจะพบเห็นได้ในต้นโพธิ์ที่มีขนาดใหญ่และมีอายุมาก แต่ถ้าเป็นโพรงอย่างรุนแรงก็อาจทำให้ต้นโพธิ์ตายได้เหมือนกัน[4]